วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คำคมภาษาอังกฤษ

https://pbs.twimg.com/media/Cy0KROMUsAAc8Bw.jpg
 
I don't care if you're black, white, short, tall, skinny, rich or poor. If you respect me, I'll respect you.
(ฉันไม่สนใจว่าคุณจะดำ, ขาว, เตี้ย, สูง, ผอม, รวยหรือจน แต่ถ้าคุณเคารพฉัน ฉันก็จะเคารพคุณ)
We don't grow when things are easy. We grow when we face challenges.
(เราจะไม่เติบโตขึ้นหากทุกสิ่งที่เจอนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่เราจะเติบโตขึ้นเมื่อเราได้เผชิญหน้ากับความท้าทาย)
Don't judge people by their looks.
(อย่าตัดสินคนแค่เพียงภาพลักษณ์ภายนอก)
Every story has an end but in life every end is a new beginning.
(เรื่องราวทุกเรื่องนั้นมีตอนจบ แต่ในชีวิตจริง ในทุกๆตอนจบคือการเริ่มต้นครั้งใหม่)
When is the best time to tell someone you love him ? 
Before someone else does.
(ตอนไหนคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะบอกใครบางคนว่าคุณรักเค้า ?
ก่อนที่คนอื่นจะบอกเขาคนนั้น
ก่อนคุณ
)
The only way to do great work is to love what you do. Steve Jobs
(หนทางเดียวที่จะทำงานให้ดีเยี่ยมคือ"รัก"ในสิ่งที่คุณทำ - Steve Jobs)
My pain may be the reason for somebody is laugh. But my laugh must never be the reason for somebody is pain. Charlie Chaplin
(ความเจ็บปวดของผมอาจทำให้ใครบางคนหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะของผมจะต้องไม่มีวันทำให้ใครเจ็บปวด - Charlie Chaplin)
Death ends a life but not a relationshop.
(ความตายพรากชีวิต แต่ไม่ใช่สายสัมพันธ์)
I don't care what you think about me. I don't think about you at all.
(ฉันไม่สนว่าคุณจะคิดยังไงเกี่ยวกับฉัน 
ฉันไม่ได้คิดเกี่ยวกับคุณเลยสักนิดเดียว
)
At some point you have to realize that some people can stay in your heart but not in your life.
(เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณก็จำเป็นต้องตระหนักว่า คนบางคนสามารถอยู่ได้เพียงแค่ในใจไม่ใช่ในชีวิตของคุณ)
Pretty words are not always true and true words are not always pretty.
(คำพูดที่สวยงามไม่ได้จริงเสมอไป และการพูดความจริงก็ไม่ได้สวยงามเสมอไปเช่นกัน)
I am slow walker, but I never walk back. Abraham Lincoln
(ฉันอาจเป็นคนที่เดินอย่างเชื่องช้า แต่ฉันก็ไม่เคยเดินถอยหลัง Abraham Lincoln)
Never forget 3 types of people in your life. Who helped you in your difficult times. Who left you in your difficult times. And who put you in difficult times.
(จงอย่าลืมคน 3 ประเภทนี้ในชีวิตของคุณ 
คนที่ช่วยคุณในเวลาที่ยากลำ
บาก..
คนที่ทิ้งคุณไปในเวลาที่ยากลำบาก..
คนที่ทำให้คุณตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก..
)
Enjoy your own life without comparing it with that of another.
(จงมีความสุขกับชีวิตของตัวคุณเองโดยที่ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับชีวิตของใคร)
You only live once, But if you do it right, once is enough.
(คุณสามารถใช้ชีวิตได้เพียงแค่ครั้งเดียวแต่ถ้าคุณใช้มันอย่างถูกต้องครั้งเดียวก็เพียงพอ)

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พูดอย่างไรเมื่อต้องการบอกว่า ไม่รู้

พูดอย่างไรเมื่อต้องการบอกว่า" ไม่รู้ "

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ไม่รู้ ภาษาอังกฤษ

ถ้าต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “ไม่รู้” หลายคนคงนึกออกแค่คำว่า “I don’t know” ทั้งที่จริงๆ ยังพูดได้อีกหลายแบบ แถมยังทำให้เราดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นมาเรียนรู้ 10 ประโยคที่แปลว่า ไม่รู้ แต่ดูสุภาพและน่าสนใจกันดีกว่า ด้วยประโยคดังต่อไปนี้เลย

    1.    Let me check on that. ขอฉันลองตรวจสอบดูก่อนนะ

    2.    Let me find out for you. ขอฉันลองตรวจสอบดูก่อนนะ (โดย find out ในที่นี้ เป็นสำนวน แปลว่า ตรวจสอบ นั่นเอง)

    3.    I’ll double check and let you know. ฉันจะลองตรวจสอบดูอีกครั้ง และบอกให้คุณรู้ (ลองพูดแบบนี้ เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเราใส่ใจ ไม่ได้ละเลย)

    4.    That’s a really good question, I’ll check/find out. นั่นเป็นคำถามที่ดีจริงๆ ฉันจะลองตรวจสอบดู (ในที่นี่ให้เลือกว่าจะใช้ check หรือ find out ก็ได้ เพราะทั้งคู่แปลว่าตรวจสอบเหมือนกัน)

    5.    I haven’t looked at that yet. ฉันยังไม่ได้ดูเรื่องนั้นเลย (ข้อควรจำ ปกติ yet ที่แปลว่ายัง จะใช้อยู่ในรูป persent perfect คือ ประธาน + has, have + v.3 ประโยคจึงเป็นแบบข้างบนนั่นเอง)

    6.    I’m not 100% sure on that. ฉันไม่มั่นใจเรื่องนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ (เป็นการบอกว่าเราไม่มั่นใจเรื่องนั้นนัก หรือบอกเป็นนัยๆ ว่าเราไม่รู้นั่นเอง)

    7.    I don’t have that information here right now. ฉันยังไม่มีข้อมูลนั้นในขณะนี้ (นี่ก็เป็นอีกรูปแบบของการบอกว่า ‘ไม่รู้’ แบบสุภ้าพ..สุภาพ)

    8.    What do you suggest? คุณมีคำแนะนำอะไรไหม? (เมื่อไม่อยากบอกว่าไม่รู้ตรงๆ ลองใช้วิธีขอคำแนะนำจากเขาดู)

    9.    I haven’t got a clue. ฉันยังไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย (การใช้ present perfect ในที่นี้ มีความหมายเดียวกับข้อ 5 คือเพื่อบอกว่า ‘ยัง’ นั่นเอง)
    
    10.    I have no idea. ฉันไม่มีไอเดียเลย (ประโยคนี้ก็พูดง่ายๆ แถมยังสุภาพอีกด้วย)

ลองหยิบไปใช้กันดู แล้วการบอก “ไม่รู้” จะไม่ต้องลงเอยด้วย I don’t know อีกต่อไป แถมยังดูสุภาพอีกด้วยล่ะ

ฝึกออกเสียง 40 ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน


99 ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

1. Help yourself! เชิญตามสบาย
2. Absolutely! อย่างแท้จริง
3. What have you been doing? ช่วงนี้คุณทำอะไรบ้าง
4. Nothing much. ไม่มีอะไรมาก
5. What’s on your mind? คุณคิดอะไรอยู่
6. I was just thinking. ฉันแค่กำลังคิด
7. I was just daydreaming. ฉันแค่ฝันกลางวัน
8. It’s none of your business. ไม่ใช่เรื่องของคุณ
9. Is that so? อย่างนั้นหรือ
10. How come? ทำไมล่ะ
11. How’s it going? เป็นอย่างไรบ้าง
12. Definitely! อย่างแน่นอน
13. Of course! แน่นอน
14. You better believe it! เป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
15. I guess so ฉันเห็นด้วย
16. There’s no way to know. ไม่มีทางที่จะรู้เลย
17. I can’t say for sure. ฉันบอกได้ไม่ชัดหรอกนักว่า
18. This is too good to be true! มันดีเกินกว่าที่จะเป็นจริง (เหลือเชื่อ)
19. No way! (Stop joking!) ไม่มีทาง
20. I got it. ฉันเข้าใจแล้ว
21. Right on! (Great!) ถูกต้อง!
22. I did it! (I made it!) ฉันทำได้แล้ว
23. Got a minute? มีเวลาไหม?
24. About when? เมื่อไหร่?
25. I won’t take but a minute. ฉันใช้เวลาไม่นานหรอก
26. Speak up! พูดซิ
27. Never mind! ช่างมันเถอะ
28. So we’ve met again, eh? เราจะได้พบกันอีกใช่ไหม?
29. Come here. มานี่
30. Come over. มาเยี่ยม
31. Don’t go yet. อย่าเพิ่งไป
32. Please go first. After you. เชิญไปก่อนเลยครับ
33. Thanks for letting me go first. ขอบคุณที่ให้ฉันไปก่อนนะคะ
34. What a relief. โล่งอกไปที
35. bad luck! โชคร้าย
36. You’re a life saver.คุณช่วยชีวิตฉันไว้
37. I know I can count on you. ฉันรู้ว่าฉันสามารถไว้ใจคุณได้
38. Anything else? มีอะไรอีกไหม?
39. That’s a lie! นั่นเป็นเรื่องโกหก
40. Do as I say. ทำอย่างที่ฉันพูด
41. This is the limit! นี่คือขีดจำกัด
42. Explain to me why.อธิบายฉันมาซิว่าทำไม
43. Ask for it! แส่หาเรื่อง
44. In the nick of time. ทันเวลาพอดี
45. No litter. ห้ามทิ้งขยะ
46. Go for it! ลงมือทำเลย
47. Don’t forget อย่าลืมนะ
48. How cute! ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้
49. None of your business! ไม่ใช่ธุระของคุณ
50. Don’t peep! ห้ามแอบดู
51. What I’m going to do if… ฉันจะทำยังไงถ้า…
52. Stop it right away! หยุดเดี๋ยวนี้เลย
53. A wise guy, eh?! คนที่อวดฉลาดหรอ?
54. You’d better stop dawdling. คุณควรจะหยุดทำตัวอืดอาดได้แล้ว
55. Say cheese! ยิ้มหน่อย
56. Be good! อย่าซน ทำตัวดีๆ
57. Please speak more slowly กรุณาพูดช้าๆกว่านี้หน่อย
58. Me? Not likely! ฉันหรอ? ไม่น่าจะใช่นะ
59. Scratch one’s head. เวลาที่เราพบความยากลำบากในการทำความเข้าใจกับบางสิ่งบางอย่าง
60. Take it or leave it! ยอมรับหรือลืมมันเสียเถอะ
61. what a pity! น่าเสียดายจัง
62. Mark my words! จำคำพูดฉันเอาไว้นะ
63. What a relief! โล่งอกไปที
64. Enjoy your meal! ทานอาหารให้อร่อยนะ
65. It serves you right! สมน้ำหน้า
66. The more, the merrier! คนยิ่งเยอะก็ยิ่งครึกครื้น
67. Boys will be boys! ผู้ชายก็เป็นผู้ชายอยู่วันยังค่ำ
68. Good job! / Well done! ดีมาก
69. Just for fun! แค่สนุกๆ, ขำๆ
70. Try your best! พยายามให้ถึงที่สุด
71. Make some noise! ขอเสียงหน่อย
72. Congratulations! ขอแสดงความยินดีด้วย
73. Calm down! ใจเย็นๆ
74. Go for it! ลงมือทำเลย
75. Strike it lucky. โชคดี
76. Always the same. เหมือนเดิมตลอด
77. Hit it off. ถูกชะตากัน
78. Hit or miss. อย่างไม่ระมัดระวัง, อย่างไร้ทิศทาง
79. Add fuel to the fire. เติมเชื้อไฟ
80. Don’t mention it! / Not at all. ไม่เป็นไร
81. Just kidding (joking) ล้อเล่น
82. No, not a bit. ไม่แม้แต่น้อยเลย, ไม่เลย
83. Nothing particular! ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
84. I’ll take your word for it. ฉันจะเชื่อคุณละกัน
85. The same as usual! เหมือนเดิม
86. Almost done! เกือบเสร็จแล้ว
87. You ‘ll have to step on it. คุณต้องรีบๆหน่อย
88. I’m in a hurry. ฉันกำลังรีบ
89. Sorry for bothering! ขอโทษที่รบกวน
90. Give me a certain time! ให้เวลาที่แน่นอนกับฉันด้วย
91. Provincial! บ้านนอก
92. Discourages me much! ฉันรู้สึกท้อมาก
93. It’s a kind of once-in-life! มันคือครั้งหนึ่งในชีวิต
94. The God knows! พระเจ้าทรงทราบ, พระเจ้าทรงเป็นพยาน
95. Poor you/me/him/her..! น่าสงสารจัง
96. Got a minute? มีเวลาไหม?
97. I’ll be shot if I know ฉันต้องตายแน่ถ้าฉันรู้
98. To argue hot and long ข้อโต้แย้งที่รุนแรง
99. This one is on me! ฉันเลี้ยงเอง

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

Learn English By Lyric


 History - ONE DIRECTIONl  lyrics

http://c.directlyrics.com/img/upload/0b4b0265.jpg

        เพลงนี้้เป็นเพลงที่มีความหมายที่ดี ในบล็อก English is easy to get นี้ก็มีให้ฟังกันเพลิน ๆ ด้วย
จากเนื้อหาของเพลงแล้วเล่าถึงความทรงจำ เรื่องราว ความสัมพันธ์ระหว่างกันของคนสองฝ่าย จะเป็นใครก็ตาม อาจจะเพิ่อน คนรัก ครอบครัว หรือคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา ที่มีประสบการณ์ต่าง ๆ ร่วมกันมา ทำให้เกิดความรัก และความผูกผันต่อกัน
       จากเนื้อเพลงแล้วเล่าถึงเป็นการเล่าถึงเหตการณ์ที่ผ่านมา แสดงว่าประโยคที่ใช้ต้องอยู่ในรูปของอดีตหรือ Past tenses ซะเป็นส่วนมากแน่นอน เพราะงั้นเรามาฟังเพลงและเรียนรู้ประโยคต่าง ๆ ไปด้วยกันดีกว่าค่ะ

[One Direction]
You gotta help me, I'm losing my mind
Keep getting the feeling you wanna leave this all behind
Thought we were going strong
I thought we were holding on
Aren't we?
  
เธอต้องช่วยฉันนะ ฉันกำลังจะเสียสติไปแล้ว
เริ่มได้รู้สึกว่าเธออยากจะทิ้งเรื่องนี้ไป
เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันมั่นคงดี
เคยคิดว่าเรายังอยู่ทนกันไปได้
ใช่มั้ย?

No they don't teach you this in school
Now my heart's breaking and I don't know what to do
Thought we were going strong
Thought we were holding on
Aren't we?

ไม่มีใครสอนเธอเรื่องนี้ในโรงเรียนหรอกนะ
ตอนนี้หัวใจฉันกำลังแหลกสลาย และไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันมั่นคงดี
เคยคิดว่าเรายังอยู่ทนกันไปได้
ใช่มั้ย?

You and me got a whole lot of history
We could be the greatest team that the world has ever seen
You and me got a whole lot of history
So don't let it go, we can make some more, we can live forever

เธอและฉัน มีประวัติศาสตร์มากมายร่วมกัน
เราอาจจะเป็นคู่รักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกนี้เคยเห็นก็ได้
เธอและฉัน มีประวัติศาสตร์มากมายร่วมกัน
ดังนั้นอย่าปล่อยมันไปเลยนะ เราสามารถสร้างมันด้วยกันมากกว่านี้อีก เราสามารถจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล


All of the rumours, all of the fights
But we always find a way to make it out alive
Thought we were going strong
Thought we were holding on
Aren't we?

ข่าวลือมากมาย การทะเลาะกันหลายครั้งหลายครา
แต่เราก็หาทางรอดมากันได้เสมอ
เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามันมั่นคงดี
เคยคิดว่าเรายังอยู่ทนกันไปได้
ใช่มั้ย?


You and me got a whole lot of history
We could be the greatest team that the world has ever seen
You and me got a whole lot of history
So don't let it go, we can make some more, we can live forever

เธอและฉัน มีประวัติศาสตร์มากมายร่วมกัน
เราอาจจะเป็นคู่รักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกนี้เคยเห็นก็ได้
เธอและฉัน มีประวัติศาสตร์มากมายร่วมกัน
อย่าปล่อยมันไปเลยนะ เราสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยกันมากกว่านี้อีก เราสามารถจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล

Minibars, expensive cars, hotel rooms, and new tattoos, good champagne, and private planes
But they don't mean anything
Cause' the truth is out, I realised that without you here life is just a lie
This is not the end
This is not the end
We can make it you know it, you know

มินิบาร์ รถหรูๆ ห้องโรงแรม และรอยสักใหม่
แชมเปญดีๆ เครื่องบินส่วนตัว แต่พวกนั้นก็ไม่มีความหมายเลย
เพราะความเป็นจริงมันปรากฏออกมาแล้ว ฉันได้รู้แล้วว่าเมื่อไม่มีเธอ ชีวิตฉันมันก็เป็นเพียงแค่คำโกหก
นี่มันยังไม่จบ
มันยังไม่จบ
เราต้องทำได้ เธอก็รู้ เธอรู้ใช่มั้ย

You and me got a whole lot of history
We could be the greatest team that the world has ever seen
You and me got a whole lot of history
So don't let it go, we can make some more, we can live forever

เธอและฉัน มีประวัติศาสตร์มากมายร่วมกัน
เราอาจจะเป็นคู่รักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกนี้เคยเห็นก็ได้
เธอและฉัน มีประวัติศาสตร์มากมายร่วมกัน
อย่าปล่อยมันไปเลยนะ เราสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยกันมากกว่านี้อีก เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล

You and me got a whole lot of history
We could be the greatest team that the world has ever seen
You and me got a whole lot of history
So don't let it go, we can make some more, we can live forever

เธอและฉัน มีประวัติศาสตร์มากมายร่วมกัน
เราอาจจะเป็นคู่รักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกนี้เคยเห็นก็ได้
เธอและฉัน มีประวัติศาสตร์มากมายร่วมกัน
อย่าปล่อยมันไปเลยนะ เราสามารถสร้างประวัติศาสตร์ด้วยกันมากกว่านี้อีก เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาล

So don't let me go
So don't let me go
We can live forever
Baby don't you know
Baby don't you know
We can live forever

อย่าปล่อยฉันไปเลย
อย่าปล่อยฉันไปเลย
เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาลนะ
ที่รัก เธอไม่รู้หรอ
ที่รัก เธอไม่รู้หรอ
เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดกาลนะ


Source: http://www.directlyrics.com/one-direction-history-lyrics.html http://www.aelitaxtranslate.com/2015/11/one-direction-history.html



ONE DIRECTION History lyrics

[One Direction]
You gotta help me, I'm losing my mind
Keep getting the feeling you wanna leave this all behind
Thought we were going strong
I thought we were holding on
Aren't we?

No they don't teach you this in school
Now my heart's breaking and I don't know what to do
Thought we were going strong
Thought we were holding on
Aren't we?

You and me got a whole lot of history
We could be the greatest team that the world has ever seen
You and me got a whole lot of history
So don't let it go, we can make some more, we can live forever

(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
All of the rumours, all of the fights
But we always find a way to make it out alive
Thought we were going strong
Thought we were holding on
Aren't we?

You and me got a whole lot of history
We could be the greatest team that the world has ever seen
You and me got a whole lot of history
So don't let it go, we can make some more, we can live forever

Minibars, expensive cars, hotel rooms, and new tattoos, good champagne, and private planes
But they don't mean anything
Cause' the truth is out, I realised that without you here life is just a lie
This is not the end
This is not the end
We can make it you know it, you know

You and me got a whole lot of history
We could be the greatest team that the world has ever seen
You and me got a whole lot of history
So don't let it go, we can make some more, we can live forever

You and me got a whole lot of history
We could be the greatest team that the world has ever seen
You and me got a whole lot of history
So don't let it go, we can make some more, we can live forever

So don't let me go
So don't let me go
We can live forever
Baby don't you know
Baby don't you know
We can live forever

Source: http://www.directlyrics.com/one-direction-history-lyrics.html

English Exercises


PRESENT TENSE 
Put the sentences into negation. Use short forms (doesn't, don't, isn't,...)

Example: I am hungry. - I am not hungry.

1. They wash the car. They the car.

2. I get up early. I early.

3. They walk to school. They to school.

4. Jim eats an orange. Jim an orange.

5. My sister listens to her new CD. My sister to her new CD.

Put the verbs into the correct tense (simple present or present progressive)

  1. Look! Sara (go) to the movies.
  2. On her right hand, Sara (carry) her handbag.
  3. The handbag (be) very beautiful.
  4. Sara usually (put) on black shoes but now she (wear) white trainers.
  5. And look, she (take) an umbrella because it (rain)   

Put the verbs into the correct tense (simple past or past perfect)

  1. When he (wake up) , his mother (already /prepare) breakfast
  2. We (go) to London because our friends (invite) us
  3. He (hear) the news, (go) to the telephone and (call) a friend.
  4. When she (start) learning English she (already /learn) French.
  5. Jane (already / type) three pages when her computer (crash) .
  6. By the time the doctor (arrive) at the house the patient ( die) .
  7. Before that day we (never / think) of traveling to Japan.
  8. I (know) him a long time before I (meet) his family.
  9. They (not / know) where to meet because nobody (tell) them.
  10. It (be) cloudy for days before it (begin) to rain.

Put the verbs into the correct tense (simple past or present perfect).

  1. I (just / finish) my homework.
  2. Mary (already / write) five letters.
  3. Tom (move) to his home town in 1994.
  4. My friend (be) in Canada two years ago.
  5. I (not / be) to Canada so far.
  6. But I (already / travel) to London a couple of times.
  7. Last week, Mary and Paul (go) to the cinema.
  8. I can't take any pictures because I (not /buy) a new film yet.
  9. (they / spend) their holidays in Paris last summer?
  10. (you / ever / see ) a whale?

Put the verbs into the correct tense (Simple Past or Past Progressive).

  1. The receptionist (welcome) the guests and (ask) them to fill in the form
  2. The car (break) down and we (have) to walk home.
  3. The boys (swim) while the girls (sunbath) .
  4. My father (come) in, (look) and (tell) me to tidy up my room.
  5. While one group (prepare) dinner the others (collect) wood for the campfire.
  6. While the parents (have) breakfast the children (run) about.
  7. Martha (turn) off the light and (go) to bed.

Put the verbs into the correct tense (simple future or future perfect)

  1. Tomorrow I think I (start)  my new project.
  2. I (finish) it by the end of this month.
  3. The teacher (probably/assign) a test to his students next Monday.
  4. He (correct) it by the end of next week.
  5. My friend (certainly/get) a good mark.
  6. By 9 o'clock, we (finish) our homework.
  7. They (leave) the classroom by the end of the hour.
  8. I think I (start) my trip tomorrow 

Check your Answer 


Cr. http://www.myenglishpages.com/site_php_files/grammar-exercise-tenses.php

Present Perfect continuous tense


            

       
      1.   Structure  (โครงสร้าง)
  • Affirmative : Subject + have/has+been + V.-ing.
  • Negative : Subject + have/has + not +been+V.-ing.
  • Question : Have/Has + Subject +been+V.-ing...?  
       what/where/who/when/why/how + Have/Has+ Subject +been+ V.-ing..?

           2.     Use (การใช้)  

           - ใช้กับเหตุการณ์ซึ่งเกิดและดำเนินเรื่อย ๆ จากในอดีตจนถึงปัจจุบัน เหตุกาณ์นั้นยังดำเนินอยู่ และอาจดำเนินต่อไปเรื่อยๆในอนาคต



http://4.bp.blogspot.com/-aCIoEwQti58/VFkUWCAE_RI/AAAAAAAAUJ0/qn5zMSSAyBQ/s1600/Present-Perfect-Progressive-Tense.gif


           3.  Example (ตัวอย่าง) 
                    - I have been wandering round this city for half a day. 
                (ฉันเดินเล่นไปรอบเมืองมาครึ่งวันแล้ว)
                  - He have been driving for an hour.
                     (เขาขับรถมาเป็นชั่วโมงแล้ว)
                       - She has been reading that novel for two hours.
                    (เธออ่านหนังสือนิยายเล่มนี้มาสองชั่วโมงแล้ว)